‘ชลน่าน’ เบรกแผนแบนกัญชา หลังสายเขียวต่อต้าน
1 min read‘ชลน่าน’ เบรกแผนแบนกัญชา หลังยสายเขียวต่อต้าน ย้ำชะลอแก้กฎหมาย ยังไม่ตัดสิทธิ์ปลูก-ขาย
ประเด็นกัญชาร้อนฉ่า หลังเครือข่ายสายเขียวออกแถลงการณ์ต่อต้าน-คู่ขนานขู่จัดม็อบใหญ่ไม่เอาการปิดกั้นกัญชา ร้อนถึงรัฐมนตรีใหม่ป้ายแดงต้องรีบออกมาชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจกับผู้ใช้กัญชา
เริ่มจากประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการปรับแก้กฎหมายกัญชานั้น นายแพทย์ชลน่าน ยืนยันว่าจะรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน และจำเป็นต้องมีกฎหมายมาควบคุมในการใช้กัญชา กัญชามีทั้งด้านบวกและลบ ถ้าเราใช้เป็นจะมีประโยชน์ทั้งมิติสุขภาพและเศรษฐกิจ ดังนั้นจึงต้องดูด้วยความรอบคอบ ไม่ได้ไปยกเลิกหรือปรับให้เกิดความเสียหายเป็นเพียงการเข้าไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ส่วนการที่เครือข่ายคนใช้กัญชา ออกมาต้านนโยบายของตนเองนั้น ขอยืนยันว่าตนเองไม่เคยพูดว่าห้ามปลูก 15 ต้น แต่ใช้คำว่า ผู้ผลิตที่ปลูก 15 ต้น จะใช้วิธีการอย่างไรให้มีคุณภาพ พี่น้องประชาชนที่ปลูกก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรับซื้อและการผลิตได้ ไม่ใช่ให้ปลูกแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่รับซื้อ เพราะอ้างว่าไม่มีคุณภาพ ดังนั้นตนจึงเสนอว่าให้ปลูกอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ ต้องมีมาตรการรองรับ ส่วนในเรื่องของการจะให้บางส่วนของกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้นัดหน่วยงานใดหารือ แต่เบื้องต้นจะขอหารือกับการทรวงยุติธรรมในภาพใหญ่ก่อน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความกังวลของธุรกิจกัญชาว่าจะต้องยุติกิจการเมื่อแก้กฎหมายกัญชาใหม่ ระบุว่า ถ้าธุรกิจกัญชาที่ดำเนินการแล้วไม่กระทบต่อสุขภาพ หรือไม่มีผลต่อมิติสุขภาพทางสังคม ก็ดำเนินได้ภายใต้กฎหมายควบคุม กัญชาเพื่อสุขภาพ แปลว่า การนำสุขภาพไปสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งมันมีหลายองค์ประกอบทาง Medical Hub และกัญชาอาจจะอยู่ในเรื่องของ Service Hub และ Wellness Hub คือเรื่องการให้บริการทางการแพทย์
.
ส่วนจะมีการปูพรมตรวจค้นร้านกัญชาทั่วประเทศหลังจากประกาศกฎหมายฉบับใหม่หรือไม่นั้น อยู่ที่ตัวกฎหมายว่าให้อำนาจไว้อย่างไร อย่าไปคิดว่าเป็นการปูพรม หรือไม่ปูพรม เพราะเราต้องทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทุกฝ่าย และต้องได้ประโยชน์ในพื้นฐานที่ไม่ทำลายสุขภาพ และไม่กระทบกับทุกคนในสังคม
เมื่อถามว่าหลังจากนี้เพื่อสันทนาการจะไม่สามารถทำได้แล้วใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราต้องเน้นกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งจะต้องดูแลควบคุมอย่างไร ใช้อย่างไร เพื่อไม่ให้เป็นเรื่องของการกระทบสุขภาพ โดยกัญชามันมีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท นับว่า เป็นยาเสพติดประเภทหนึ่ง แต่กฎหมายใหม่กำหนดว่า ต้องเป็นสารสกัดกัญชาที่มีค่า THC มากกว่า 0.2 ขึ้นไปถึงจะเป็นสารเสพติด ดังนั้นต้องไปดูบทบัญญัติว่า จะมีการควบคุมให้กัญชาอยู่ในการแพทย์ และสุขภาพอย่างไร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมีวัตถุประสงค์ตรงกัน ที่เน้นการใช้กัญชาสันทนาการ ในร่างกฎหมายของของพรรคภูมิใจไทยก็ไม่มีเรื่องสันทนาการ ไม่มีแม้กระทั่งการจัดพื้นที่ให้สันทนาการ ส่วนแนวปฏิบัติ ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยก็ต้องฟังผู้ปฏิบัติ โดยกระทรวงสาธารณสุขก็มีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กรมการแพทย์ ศึกษาเรื่องนี้อยู่แล้ว
ส่วนจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนโยบาย หากศึกษารายละเอียดแล้วธุรกิจกัญชาด้านสาร CBD ไม่เคยมีปัญหา แต่ที่มีปัญหาคือสาร THC แต่ THC ที่เกิน 0.25 มิลลิกรัม ถึงจะมีผลต่อจิตประสาทและการควบคุมร่างกาย จึงมีการกำหนดปริมาณสาร THC ต้องไม่เกิน0.25 ซึ่งไม่ได้กำหนดโดยผู้กำหนดนโยบาย แต่มาจากเอกสารข้อมูลทางวิชาการ