แบนกัญชา คร่าชีวิตคนไทย
1 min readกัญชาอาจเป็นปิศาจร้ายในสายตาของใครหลายคน จนนำไปสู่วาทกรรมด้อยค่านับไม่ถ้วน ในทางกลับกัน กัญชาก็เป็นแหล่งรายได้ที่เลี้ยงดูอีกหลายครอบครัว ตลอดจนเป็นที่พึ่งพาของผู้ป่วยอีกมายมาย ซึ่งยังไม่นับรวมผู้ประกอบการโดยสุจริต วันนี้สังคมไทยจะปล่อยอารมณ์ดราม่าคร่าชีวิตคนไทยด้วยกันเองเช่นนั้นหรือ
.
Kitty Chopaka หญิงแกร่งนักรณรงค์กัญชาไทย สะท้อนมุมมองของผู้ประกอบการตัวเล็กตัวน้อยที่หวั่นเกรงถึงผลกระทบที่กำลังจะตามมาว่า มาตรการกัญชาที่รัดกุมมากขึ้นสร้างความไม่มั่นคงให้กับสังคมกัญชาและผู้ประกอบการโดยสุจริต เนื่องจากธุรกิจกัญชาเปรียบเป็นแหล่งรายได้จุนเจือครอบครัว ซึ่งไม่ใช่เพียงเจ้าของร้าน แต่ยังรวมถึงครอบครัวของพนักงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องจำนวนมาก ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขาชีวิตพวกเขากำลังอยู่ในความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรม เช่นเดียวกับอนาคตของลูกๆในเมื่อรายได้จากธุรกิจกัญชาก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสียค่าเล่าเรียนบุตร
“กัญชาต้องให้ความสำคัญด้านการพึ่งพาตนเองและรักษาโรค มากกว่าด้านสันทนาการ ซึ่งมันจะส่งผลกระทบในวงกว้าง รัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการควบคุมกัญชานำเข้าผิดกฎหมาย แทนที่จะควบคุมร้านค้าที่เปิดโดยสุจริตและถูกกฎหมาย การต่อสู้กับกัญชาผิดกฎหมายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” Kitty กล่าว
ด้าน Rattapon Sanrak ผู้ก่อตั้ง Highland Network และ สมาชิกสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชน ให้สัมภาษณ์กับ the chronic magazine ว่า มาตรการเข้มงวดของกัญชาจะส่งผลกระทบต่อคนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะภาคการจ้างงานในอุตสาหกรรมกัญชาจะกระทบอย่างแน่นอน รวมถึงด้านศักยภาพของผู้ประกอบการรายย่อยที่ถูกลดทอนไปด้วย การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด จะส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยเฉพาะ ตลาดใต้ดินที่ควบคุมได้ยากและมีโอกาสเกิดอาชญากรรมได้ง่าย
Kittichot Vasana ผู้บริหารฟาร์มกัญชาแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ระบุว่า แม้การทำกัญชาให้ผิดกฎหมายจะเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ชองนักปลูกใต้ดิน แต่การควบคุมกัญชาให้มีประสิทธิภาพก็เป็นสิงจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพของผลผลิตในเชิงการแพทย์ อกทั้งยังเป็นแนวทางในการยกระดับคุณภาพของนักปลูกเองอีกด้วย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก thechronicmagazine.com และ AP, Brennan Lin