ล้าหลัง!! ไทยแลนด์ Only ปลดล็อกเสรี-ถอยหลังลงคลอง
1 min readดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวถึงกรณีที่ประเทศไทยที่ปลดล็อกเสรีกัญชาแต่กำลังจะเดินถอยหลังประกาศให้ช่อดอกกลับเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ระบุว่า
“ยังไม่เคยพบว่ามีรัฐบาลชุดไหนในโลก เมื่อปลดล็อกกัญชาออกมาแล้วจะเดินกลับหลังนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก หลังจากเดินเครื่องนโยบายกัญชามาคนไทยมีพัฒนาการในเรื่องกัญชาไปเร็วมากๆ เพียงไม่กี่เดือนสามารถพัฒนาสายพันธุ์ที่ปลูกภายในประเทศที่มีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากกัญชาสายพันธุ์จากต่างประเทศ และมีราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศได้”
ทว่าการโจมตีกัญชาทางการเมืองได้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยถอยห่างออกจากกัญชา แม้ผลิตภัณฑ์ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมอย่างปลอดภัยก็ขายได้น้อยลง จนบางผลิตภัณฑ์ที่ได้ถูกถอนออกจากหิ้งของร้านสะดวกซื้อไปเยอะแล้ว ร้านอาหารที่เคยขายอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาได้ดี ก็ได้ยกเลิกไปเป็นจำนวนมาก
“เมื่อความจริงในศาสตร์ของการชั่งน้ำหนักในเรื่องกัญชาแล้ว การให้ประชาชนไทยเข้าถึงกัญชาเพื่อการพึ่งพาตนเอง น่าจะมีผลบวกมากกว่าผลลบที่เกิดขึ้น”
“ก่อนที่จะมีการตัดสินใจในเรื่องอนาคตกัญชาในวันข้างหน้า สมควรที่จะพิจารณากัญชาอย่างรอบด้าน นอกเหนือจากอคติที่มีความคิดแต่จะมีการโจมตีกัญชาแต่เพียงอย่างเดียว” ดร.ปานเทพกล่าว
ตัวอย่างเช่น ปัญหาการลักลอบจำหน่ายกัญชาให้เด็กและเยาวชนอย่างผิดกฎหมายนั้น ยังมีจำนวนน้อยกว่าการลักลอบจำหน่ายเหล้าและบุหรี่ให้กับเด็กและเยาวชนจริงหรือไม่? และยิ่งน้อยกว่าอย่างเทียบไม่ได้เลยกับ “จำนวน” ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากกัญชา ทั้งมิติการรักษาโรค ป้องกันโรค เพิ่มคุณภาพการนอน เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดการใช้ยาแผนปัจจุบัน
ความจริงแล้วคนที่ใช้กัญชาแบบชาวบ้านในประเทศไทยส่วนใหญ่ไม่ได้สูบ ซึ่งศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด ได้รายงานผลการศึกษาติดตามสถานการณ์การใช้และการให้บริการกัญชา พบว่าคนไทยส่วนใหญ่ใช้การรับประทานเป็นแคปซูล หยอดใต้ลิ้นมากกว่า 66.4% และใช้แบบต้มเป็นชา 23.7% ใช้พ่นทา/อาบน้ำ/นวด 11.6% และยังมีการใช้สูบ 9.8%
อันที่จริงแม้แต่การสูบที่ยังนับเป็นการใช้ทางการแพทย์ด้วย เพราะนอกจากการสูบจะเป็นกรรมวิธีการหนึ่งของการแพทย์แผนไทยตามกฎหมาย และในคนกลุ่มนี้ก็ใช้ก่อนนอนเพื่อทำให้นอนหลับได้ จึงไม่ควรลงโทษให้คนเหล่านี้เป็นผู้ครอบครองยาเสพติด
“งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารนิโคตินและยาสูบที่ชื่อว่า Nicotine and Tobaco Research เมื่อปีพ.ศ. 2565 พบว่าผู้ที่สูบกัญชามีพิษตกค้างในร่างกายน้อยกว่าบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังไม่พบว่ากัญชาทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคมะเร็งเหมือนกับเหล้าและบุหรี่”