Exclusive Interview : เปิดแนวคิด ปั้นนักปลูกไทย – เบนซ์ แสงไทย
1 min readเปิดแนวคิดของการปลุกปั้นนักปลูกไทย เพื่อไปแข่งขันในเวทีระดับโลกของ “ เบ๊น แสงไทย” ซึ่งวันนี้ยังมีหมวกอีกใบเป็นเจ้าของธุรกิจระหว่างประเทศที่ตั้งใจใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มี เพื่อบรรลุความฝันสุดยิ่งใหญ่ในสไตล์ Made in Thailand โดยคนไทย เพื่อคนไทย
จุดเริ่มต้นของความฝันนี้เกิดขึ้นทันทีที่เห็นนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาช่วงชิงโอกาสของ Homegrown นักปลูกไทยตัวเล็กตัวน้อย จึงน่าเสียดายที่ไทยจะเป็นผู้นำกัญชาในเอเชีย แต่คนไทยกลับไร้ที่ยืนบนเกมนี้
“วันนี้ประเทศไทยเนื้อหอมมากด้านอุตสาหกรรมกัญชา แต่ผมเป็นห่วง Homegrown คนไทยมากที่สุด วันนี้เมล็ดค่ายใหญ่และบริษัทกัญชาชื่อดังเข้ามาลงทุนธุรกิจสายเขียวอย่างเอิกเกริก เขามีความพร้อมทั้งด้านเงินทุน บุคลากรและความรู้ เขาลงทุนปลูกเองมีระบบการตลาดที่แข็งแรง หาก Homegrown ไทยยังไม่พัฒนาจะไม่มีที่ยืนแม้ในประเทศของตัวเอง การเข้ามาของกลุ่มทุนย่อมเท่ากับว่าส่วนแบ่งการตลาดของ Homegrown คนไทยลดลงเรื่อยๆ ประกอบกับในอีก 2-3 ปีข้างหน้ามีอีกหลายประเทศจะเปิดเสรีกัญชาเชิงการท่องเที่ยว แล้วถึงเวลานั้นประเทศไทยจะยังเนื้อหอมอยู่มั้ย?”
“ผมตั้งใจจัด Made in Thailand Cannabis Cup เพื่อส่งเสริมนักปลูกไทยให้ได้มาตรฐานไม่แพ้ชาติใดในโลก ถ้าเราไปถึงจุดนั้นได้จะช่วยให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชาไทยจากฐานรากจนสามารถเติบโตไปได้อย่างมั่นคง เมื่อแข็งแรงแล้วเราจะพร้อมส่งนักปลูกไทยออกไปสร้างชื่อเสียงในการแข่งขันระดับโลก ผ่านการสนับสนุนค่าเครื่องบินและที่พักให้พวกเขา”.
ความฝันอันสูงสุดของนักปลูกไทย
ทุกความฝันย่อมต้องการความพยายามและการเสียสละ แต่เป้าหมายคือสิ่งสำคัญที่นำพาฝันนั้นให้กลายเป็นจริง แม้การเริ่มต้นโปรเจ็กส์จะยากลำบาก แต่ คุณเบ๊น แสงไทย ไม่ยี่หระที่จะพุ่งไปยังเส้นชัยที่เขาหวังไว้
“เป้าหมายของผมคือภายใน 2 ปีข้างหน้า จะพานักปลูกไทยไปแข่งขันในเวทีโลก Made in Thailand ต้องไปร่วมแข่งขันในรายการใหญ่ที่มีชื่อเสียง โดยเราจะนำสายพันธุ์ไทยที่ดีสุดไปอวดโฉมให้ชาวโลกได้เห็นว่าบ้านเรามีของดีขนาดไหน ดังนั้นจึงตั้งใจทำโปรเจ็กส์ Breeder Cup 2024 เพื่อเฟ้นหาสายพันธุ์ไฮบริดไทยที่ดีที่สุด ซึ่งในจะใช้สายพันธุ์ที่ชนะเลิศนพไปจัดแข่งขันในเวที MIT Can Cup เพื่อเฟ้นหาแม่พันธุ์ที่ดีสุดเพื่อส่งเข้าประกวดระดับโลก นั่นเป็นอีกเหตุผลว่าทำไมเราให้ผู้เข้าแข่งขันปลูกสายพันธุ์เดียวกันตั้งแต่ต้น เราจึงวางเกณฑ์ตรวจแล็บค่าสารที่เข้มงวด และใช้กรรมการต่างชาติที่มีประสบการณ์สูง เพื่อวางรากฐานอันนี้”
“มาตรฐานของการแข่งขันเราจะเน้นวัดผลที่แล็บเทสเพราะมีความแม่นยำสูง และไม่ใช่เพียงค่าสาร แต่ยังทดสอบไปถึงความเข้มข้นของเทอร์พีน ตอบโจทย์ผลผลิตคุณภาพที่ต้องให้ความสำคัญทั้งกลิ่นและเอฟเฟ็กต์ นั่นยังไม่พอเพราะจะต้องมี yield หรือปริมาณผลผลิตอีกด้วย จึงเป็นที่มาของกติกาการให้คะแนนแบบวัดยอดขายหน้าร้านในวันงานด้วย ไปจนถึงเรื่องของรูปลักษณ์ของดอกที่ต้องสวยอีกด้วย อีกหนึ่งในความตั้งใจเพื่อวัดฝีมือของ Grower คือการให้ปลูกจากเมล็ด (From seed) เพราะนักปลูกที่เก่งต้องแก้ปัญหาได้ดี และต้นที่งอกจากเมล็ดจะไม่แข็งแรงเหมือนต้นปักชำ ดังนั้นจึงต้องวัดสกิลการดูแลต้นไปจนได้ผลผลิตในโจทย์เวลาที่เท่ากัน ทั้งหมดนี้คือความท้าทายที่นักปลูกไทยต้องเอาชนะให้ได้เพื่อก้าวไปสู่ระดับโลก”
เวทีโชว์ฝีมือนักปลูกไทย
กัญชงแสงไทย ผู้จัดงานนี้ตั้งใจยกขบวนกิจกรรมและความรู้ด้านการปลูกกัญชา พร้อมโชว์ให้ทั่วโลกรู้ว่านักปลูกไทยฝีมือไม่เป็นรองใครในโลก ทั้ง เวทีเสวนาวิชาการ การบรรยายความรู้ เวิร์คช็อปการปลูกกัญชาเชิงการแพทย์ อาทิ ความรู้เรื่องการโคลน Tissue culture ความรู้เรื่องจุลธาตุ ความรู้เรื่องเทอร์พีน ความรู้เรื่องปุ๋ย NPK ความรู้เรื่องการล่าสายพันธุ์ Pheno-hunt ความรู้เรื่องกัญชาแพทย์แผนไทย จากเหล่าผู้นำในวงการกัญชาระดับท็อป เช่น Dutch Passion และ Compound Genetic ไปจนถึงงานตลาดนัดสมุนไพรแบรนด์ดังและการแสดงโชว์จากศิลปินชื่อดัง สร้างโอกาสให้นักปลูกไทยได้เจรจาแลกเปลี่ยนทางธุรกิจและพัฒนาองค์ความรู้ควบคู่ไปด้วยกัน โดยในครั้งนี้มีฟาร์มเข้าแข่งขันมากกว่า 120 ราย
ผู้ใดที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันวงการกัญชาไทย มาเจอกันได้ที่งาน MIT CANN CUP จัดขึ้นในวันที่ 8-10 ธันวาคม 2566 สถานที่จัดงาน อากาเป้ การ์เด้น กรุงเทพ (Agape Garden) เวลา 10.00-22.00 น.