วิจัยโลกยืนยัน! กัญชาเสพติดน้อยกว่า “เหล้า-บุหรี่” อย่าปิดหูปิดตาประชาชน
1 min readดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยผลวิจัยกระทรวงสาธารณสุขตามมติที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยพิเศษว่าด้วยปัญหายาเสพติดโลก (UNGASS) พบว่า “กัญชา”เป็นสมุนไพรที่ทำให้เกิดการเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่[6] และมีความน่าจะเป็นในการติดกัญชาอยู่เพียงระดับ “กาแฟ”เท่านั้น นอกจากนั้นกัญชายังมีบทบาทในฐานะเป็นสมุนไพรที่ช่วยทดแทนเพื่อลดอันตรายจากยาเสพติดที่รุนแรง (Harm Reduction)อีกด้วย
ดร.ปานเทพ กล่าวต่อว่า กัญชาเสพติดยากกว่าเหล้าและบุหรี่นั้นชัดเจนในงานวารสาร Harm Reduction Journal ฉบับเผยแพร่ปี 2562 นั้น คณะวิจัยชาวแคนาดาได้ทำการสำรวจประชากรชายและหญิงประมาณ 3,110 คน อายุเฉลี่ย 40 ปี โดยเป็นผู้ป่วยที่มีอาการปวดหรือมีปัญหาทางสุขภาพจิต 1,700 คน หรือประมาณร้อยละ 83.7 และพบว่าผู้ที่ใช้กัญชาเพื่อแทนใบสั่งยา เพื่อลดยากลุ่มฝิ่นหรือโอปิออยด์ เพื่อลดการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดบุหรี่ และทดแนยาเสพติดอื่นๆ โดยงานวิจัยมีความเห็นแนะนำว่าการเพิ่มขึ้นในการเข้าถึงกัญชาทั้งทางการแพทย์และนันทนาการอย่างมีการควบคุมให้เหมาะสม สามารถส่งผลทำให้ลดความรุนแรงจาก โอปิออยด์, แอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติดอื่นๆได้ สอดคล้องกับผลวิจัยชื่อ Cannabis and Cannabinoid Research ตีพิมพ์เมื่อปี 2565 เก็บข้อมูลกลุ่มประชากร 5,706 คน พบว่าการใช้กัญชาได้ประสบความสำเร็จในการทดแทนกลุ่มประชากรที่ใช้ยาเสพติดที่รุนแรง โดยเฉพาะยาบ้า (Metamphetamine) และพบว่าร้อยละ 25 ของผู้ที่ใช้กัญชานั้นเพื่อลดยาที่อันตรายหรือรุนแรงอย่างอื่นที่เรียกว่า “Harm Reduction” (เช่น เฮโรอิน, ฝิ่น, โคเคน, ยาบ้า, หรือแอลกอฮอล์)
“ดังนั้นผู้ที่ใช้กัญชาเพิ่มขึ้นอาจเป็นกลุ่มที่กำลังลดความรุนแรงของยาเสพติดที่รุนแรงหลายชนิด รวมถึงการลดพฤติกรรมความรุนแรงของยาเสพติดชนิดอื่น รวมถึงการลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่เป็นปัญหาการเสียชีวิตของคนทั้งโลกมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาจะต้องไม่สำรวจเพียงว่ามีประชากรใช้กัญชาเพิ่มมากขึ้นแต่เพียงอย่างเดียวหรือไม่ แต่ควรต้องสำรวจลึกไปกว่านั้นว่าคนที่ใช้กัญชานั้นเป็นไปเพื่อการลดการใช้ยาเสพติดที่รุนแรงหรือไม่ด้วย”ดร.ปานเทพกล่าว
ขณะที่ด้านเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในประเด็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลจะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดนั้นเป็นการร่นละเมิดสิทธิ์ของประชาชน
“การที่กัญชานั้นถูกยกออกจากบัญชียาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นั้นทำให้การเข้าถึง การปลูก การใช้กัญชานั้นเป็นสิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมาย และสิทธิ์นี้ไม่สามารถที่จะอยู่ดีๆถูกร่น หรือยึดไปได้โดยที่ประชาชนที่กำลังถูกร่นสิทธิ์ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจ กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด และประชาชนทุกคนที่บรรลุนิติภาวะแล้วมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย ไม่ว่าเขาจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ตาม และเราจะเดินหน้าไปในทุกทางที่จะสู้ในสิทธิขั้นพื้นฐานตรงนี้” แกนนำเครือข่ายกล่าว