หมอบุกกระทรวง! ทวงกัญชาคืนให้ผู้ป่วย เผยรัฐบาลใช้เด็กบังหน้า-ล็อกสเปคกัญชา
1 min readศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ดร.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยระบุว่า มีความเป็นห่วงถึงนโยบายดึงกัญชาเป็นยาเสพติดว่าท่านรัฐมนตรีมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ จึงเสนอร่างแก้ไขประกาศฯ ซึ่งหากท่านไม่มีใครอยู่เบื้องหลังต้องรับร่างประกาศฉบับที่เสนอไป หลักการคือคุ้มครองคนที่ทำถูกกฎหมายทั้งหมด ทั้งผลิตภัณฑ์ ทั้งวิชาชีพการแทพย์ทุกประเภท ไม่มีการล็อกสเปคบางสาขาทางการแพทย์
“สำคัญคือเป็นเป้าหมายจริงๆหรือไม่ที่อ้างห่วงเด็กและเยาวชน ห่วงสังคม หรือต้องการล็อกสเปค เพราะเงื่อนไขที่ผมเสนอทลายการล็อกสเปคทั้งหมด แต่ถ้าไม่แก้ตามที่ผมเสนอ ประชาชนก็มีสิทธิสงสัยว่าเอาเด็กเยาวชนและสังคมเป็นข้ออ้าง แท้จริงต้องการผูกขาดไว้กับกลุ่มทุนใหญี่ไม่กี่คนใช่หรือไม่”ดร.ปานเทพกล่าว
ดร.ปานเทพกล่าวต่อว่า ร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขในปัจจุบันนั้นผู้ที่จะทำได้ คือจะต้องเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลเอกชน ฟาร์มปิดขนาดใหญ่ กลุ่มทุนเพราะค่าจ้างเภสัชกรเดือนละหลักแสนบาท ตนจึงมองว่าเรื่องนี้เป็นการล็อกสเปคให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ ทำให้คนไทยต้องใช้ยากัญชาในราคาที่แพงขึ้น อีกทั้งยังสงสัยว่ามีการล็อกสเปคจริงๆ และเตรียมยานำเข้าจากต่างประเทศใช่หรือไม่ หรือโรงงานขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่จะกีดกันวิชาชีพทางการแพทย์แผนไทย แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านหรือไม่ ถ้าใช่ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ปฏิบัติได้จะมีแต่โรงงานใหญ่ที่มีสายการผลิตตั้งแต่ฟาร์ม โรงงานและรพ.เอกชนไม่กี่แห่ง เพราะรพ.รัฐส่วนใหญ่ไม่สั่งจ่าย นี่คือกระบวนการล็อกสเปคกลุ่มทุนผูกขาดทางการแพทย์เพียงไม่กี่รายในไทย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า ประเด็นของการประกาศนำกัญชา กัญชงกลับเข้าสู่ยาเสพติดให้โทษ ที่ผ่านมานั้นมีแต่การพูดถึงเรื่องการนำไปใช้ในทางที่ผิด ทำให้เกิดโทษ ทำให้เกิดอคติตั้งแต่ต้น เช่นเด็กใช้แล้วสมองเสื่อม ทั้งที่ในหลายประเทศมีการวิจัยเรื่องนี้ตั้งแต่ปีค.ศ.2016 ในคู่แฝดที่มีสติปัญญาใกล้เคียงกันหลายพันคู่ มีการเลี้ยงดูในครอบครัว สิ่งแวดล้อมเดียวกัน ซึ่งแฝดคนหนึ่งใช้กัญชา อีกคนไม่ได้ใช้ เป็นการศึกษาต่อเนื่องจนถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัย พบว่าผลของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ต่างกัน แสดงว่ากัญชาไม่มีผลต่อสติปัญญา และลักษณะการติดกัญชาไม่ง่ายเหมือนบุหรี่และแอลกอฮอล์ ทั้งการเลิกกัญชาก็สามารถเลิกได้โดยไม่มีอาการลงแดง ส่วนกรณีที่ระบุว่าผู้ใช้กัญชาแล้วทำร้ายคน ก็ไม่มีการพิสูจน์ว่าผู้นั้นใช้ร่วมกับยาเสพติดอื่นด้วย เป็นการโทษกัญชาอย่างเดียว ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลกับสังคมที่ไม่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รมว.สธ.บอกว่าข้อเสนอร่างประกาศฯอันใหม่ให้หารือกับข้าราชการ และดูเหมือนยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงว่า จะยังไม่เสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ส. โดย ดร.ปานเทพ กล่าวว่า ชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เห็นด้วยกับข้อเสนอตน เพราะถ้าได้รับความใส่ใจจริง จะต้องดึงกลับไปยังคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษพิจารณาทบทวน ต้องมีคำสั่งชัดเจนก่อนจะเสนอบอร์ดป.ป.ส.