วิจัยยืนยัน! เติมกัญชา สร้างสัมพันธ์ครอบครัว-เสริมคุณภาพชีวิตเด็ก ได้ดีกว่าผู้ที่ไม่ใช้กัญชา
1 min readผลศึกษาความคิดเห็นของรัฐบาลสหรัฐ (US Government survey) เผยแพร่ข้อมูลผ่านวารสารวิชาการระบุว่า ผู้ที่ใช้กัญชามีคุณภาพชีวิตครอบครัวที่ดีกว่าผู้ที่ไม่ใช้กัญชา โดยเฉพาะการใช้เวลาอยู่กับลูกๆ ซึ่งช่วยส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีพัฒนาการเหมาะสมต่อวัย เนื่องจากผู้ใช้กัญชาจะใช้เวลาอยู่บ้านเพื่อทำกิจกรรมครอบครัวมากกว่าออกไปปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนๆ
งานวิจัยดังกล่าวเผยแพร่ผ่านวารสารของรัฐชื่อว่า Applied Econometrics พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยอมรับว่าบริโภคกัญชาแล้วใช้เวลาอยู่บ้านกับครอบครัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ ช่วงวัยสำคัญของพัฒนาการที่ต้องอาศัยความรักความอบอุ่นจากครอบครัว ซึ่งงานวิจัยพบว่าครอบครัวที่ใช้กัญชานั้นช่วยเติมเต็มสิ่งนี้ให้เก็บเด็กๆ ได้อย่างดี
หนึ่งในทีมวิจัยอย่าง Jun Hyung Kim และ Cynthia Bansak กล่าวว่า การเปิดเสรีกัญชาช่วยให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากยิ่งขึ้น เช่น การเล่นกับเด็กๆ การทำกิจกรรมร่วมกัน และการสร้างความสุขภายในครอบครัว เป็นต้น ดังนั้นกัญชาไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวต่อเด็ก แต่มันช่วยสร้างเสริมให้เยาวชนมีพัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ที่อัตราการเกิดของประชากรลดลงเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้กัญชาอย่างถูกต้องอีกด้วย
การส่งเสริมให้ใช้กัญชาในสหรัฐ เกิดขึ้นเพื่อต่อสู้วิกฤติการเสพติดยาแก้ปวด (opioid) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจำนวนมากในหมู่ชาวอเมริกัน เนื่องจากเป็นยาเคมีที่ทำลายอวัยวะภายในของร่างกาย แตกต่างจากกัญชาที่เป็นยาจากพืชธรรมชาติและมีฤทธิ์ลดปวด-ลดอักเสบได้ดีกว่ายาเคมี
รู้หรือไม่!? คนไทยใช้เวลากับครอบครัวแค่วันละ 3 ชั่วโมง จึงเกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัวมากมาย ซึ่งจากการศึกษาเด็กไทยพบว่า สิ่งที่เด็กและเยาวชนชอบมากที่สุด คือ การที่ครอบครัวได้ใช้เวลาและทำกิจกรรมอยู่ด้วยกัน ความเข้าใจและรับฟังปัญหา ให้คำปรึกษาได้ทุกเรื่อง
“สิ่งที่เยาวชนอยากเห็น เพื่อช่วยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพคือ การมีเวลาอยู่ร่วมกันมากขึ้น การแสดงความรัก ความอบอุ่นต่อกัน บางครอบครัวอยู่ด้วยกันแต่ก้มหน้าหาแต่สมาร์ทโฟน ไม่สบตากัน ซึ่งเยาวชนและพ่อแม่ต้องลดเวลาการใช้ไลน์ (Line) เพิ่มเวลาระหว่างกันในครอบครัวให้มากขึ้น” อิทธิพล ทองแดง ประธานสภาเด็กและเยาวชน จ.อุบลราชธานี กล่าว