จับตาอนาคตกัญชาไทย! บริษัทใหญ่ขายทิ้ง-เหตุนโยบายรัฐไม่แน่นอน
1 min readจับตาสถานการณ์กัญชาไทย นักลงทุนรายใหญ่และบริษัทมหาชนแห่โบกมือลาพืชเศรษฐกิจใหม่ เหตุเผชิญความไม่แน่นอนทางนโยบาย ซ้ำกฎหมายยังไม่สะเด็ดน้ำ จึงตัดใจขายทิ้งธุรกิจกั*ชา หลังตลาดแข่งเดือดไม่คุ้มทุน-วางกลยุทธ์ไม่ได้เพราะรัฐบาลไม่มั่นคงในนโยบาย DOD-ALPHAX-EE-ACC กลืนเลือดตัดขาดทุนเลิกประกอบกิจการ พบราคาหุ้นบางตัวมูลค่าลดลงมากกว่า 5 เท่าตัว หลังโดดร่วมวงผลิตกั*ชา
เริ่มจากล่าสุด บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด(มหาชน) หรือ EE แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ธุรกิจกั*ชงและกั*ชามีความเสี่ยงสูงจากการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาครัฐ อีกทั้งสภาวะอุตสาหกรรมที่ส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำลงจากสภาวะอุปทานส่วนเกิน (ซัพพลายล้นตลาด) ขณะที่ บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขายหุ้นสามัญของบริษัทลูกซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าประเภทสารตั้งต้นและสารสกัดจากพืชกั*ชงและกั*ชา
ส่วนด้านกลุ่มทุนฟากการผลิตและปลูกนั้น บริษัท แอดวานซ์ คอนเนคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ACC ซึ่งเป็นเจ้าแรกๆ ที่กระโดดร่วมวงปลูกกั*ชาผ่านบริษัทลูกทั้งจับมือกับมหาวิทยาลัยและร่วมทุนบริษัทต่างชาติ แต่สุดท้ายไปไม่รอดเทขายทิ้งหุ้นบริษัทลูกแบบยอมขายขาดทุน (Cut Loss) และสุดท้ายหุ้นใหญ่ DOD ตัดสินใจปิดโรงงานสกัดสารสกัดจากกั*ชง-กั*ชา เนื่องจากประสบภาวะขาดทุนต่อเนื่อง ทั้งที่เคยมีมูลค่าหุ้นพุ่งทะยานไปถึง 14.50 บาท/หุ้น ในช่วงแรกเริ่มปลดล็อกเสรี ก่อนราคาร่วงลงเหลือ 1.88 บาท/หุ้น ในปัจจุบัน ซึ่งนักวิเคราะห์จากสำนักข่าวหุ้นมองว่าธุรกิจกั*ชาต้องเผชิญกับความไม่ชัดเจนของภาครัฐในเรื่องกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ทำให้ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง อยู่ในภาวะลุ่มๆ ดอนๆ
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการคอนซูเมอร์โปรดักต์เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของกฎหมาย พระราชบัญญัติกัญชาและแนวคิดการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดของรัฐบาลล้วนเป็นปัจจัยกดดันตลาด ทำให้ในแง่ของยอดขายลดลงไปมาก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม อาหารเสริมและขนม ตอนนี้ยอดขายสินค้าที่มีส่วนผสมกั*ชาที่วางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อต่าง ๆ ก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรมากนักซัพพลายเออร์สินค้าหลาย ๆ รายก็มีการหารือกับร้านค้าปลีกรายใหญ่ถึงการยกเลิกไลน์ผลิตสินค้า
“ผู้ประกอบการส่วนใหญ่เห็นสัญญาณนี้มาระยะหนึ่งแล้ว หากสังเกตจะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาหลายค่ายหยุดใส่เม็ดเงินโฆษณามาตั้งนานแล้ว และไม่มีการโปรโมตอะไร ขายไปตามสภาพ ตอนนี้เราก็วางแผนจะถอดสินค้ากั*ชาที่เหลืออยู่ออกจากร้านสะดวกซื้อ ซึ่งร้านสะดวกซื้อก็เห็นด้วย ตัวไหนหมดก็เลิก ส่วนรายอื่น ๆ เท่าที่ติดตามมาเป็นระยะ ๆ พบว่าตอนนี้แทบจะไม่มีตัวไหนเหลือแล้ว” แหล่งข่าวกล่าว
รายงานข่าวจาก Channel Weez Thailand ระบุอีกว่า สาเหตุที่กั*ชาราคาตกต่ำและมีซัพพลายล้นตลาดนั้น ส่วนหนึ่งมาจาก ปัจจุบันมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวยุโรปและจีนจำนวนมากลักลอบเข้ามาปลูกกั*ชาในพื้นที่กรุงเทพและจังหวัดปริมณฑล เช่น นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการและปทุมธานี เป็นต้น ซึ่งนักลงทุนจำนวนมากเข้ามาทำธุรกิจแบบฟาร์มขนาดใหญ่ ปลูกระดับ 100-1,000 ต้น ด้วยระบบปิดแบบ Indoor พร้อมอุปกรณ์ปลูกเต็มกราฟ บางแห่งใช้งบดำเนินการไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ขณะที่การจำหน่ายจะมีทั้งนายทุนรับซื้อช่อดอกเพื่อส่งออกนอกอย่างถูกกฎหมาย ไปจนถึงการลักลอบส่งออกไปประเทศต้นทางแบบผิดกฎหมายเพื่อกอบโกยเงินจากไทยกลับประเทศแบบเต็มระบบศูนย์เหรียญ ไปจนถึงการลักลอบนำเข้าช่อดอกเกรดต่ำที่ไม่ผ่านมาตรฐานในประเทศตะวันตก เข้ามาเพื่อดัมซ์ราคาตีตลาดในเมืองไทย จึงกลายเป็นสาเหตุของราคาผลผลิตที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ณ เวลานี้