‘เอไอ’ มองกัญชาเสรี ดีกว่า บ่อนเสรี ‘เผยสมุนไพรมีพิษภัยน้อยกว่าการพนัน’

จากกรณีนโยบายเอ็นเตอร์เทนเม้นต์คอมเพล็กซ์ที่เป็นกระแสร้อนอยู่ในปัจจุบัน เราจึงให้เอไอเลือกนโยบายที่จะเป็นประโยชน์กับคนไทยมากที่สุดโดยอิงจากข้อมูลทั้งด้านเศรษฐศาสตร์ ประชากรศาสตร์ สังคมศาสตร์ สุขภาพและอาชญากรรม

**สรุปแบบเร็วๆ**

“กัญชาเสรี” ดีกว่า “บ่อนเสรี” เพราะกระจายรายได้และโอกาสได้ในระดับฐานราก ผูกพันธ์กับวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทย ต่อยอดทางเศรษฐกิจได้หลากหลาย ทั้งด้านสุขภาพ การท่องเที่ยว การเกษตร งานบริการ ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ไปจนถึงเรื่องการส่งออก มีเพียงความเสี่ยงต่อเด็ก และการบริโภคโดยไม่มีความรู้ ขณะที่การพนันเสี่ยงทำให้คนไทยเป็นหนี้มากขึ้นนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาครอบครัวและการฆ่าตัวตายที่เพิ่มขึ้นแน่นอน

***ด้านเศรษฐกิจ**

เป็นสิ่งเดียวที่จะได้ประโยชน์จากการเปิดบ่อนเสรีเพราะสามารถเก็บภาษีมาบำรุงเศรษฐกิจได้ แต่รายได้จะกระจุกอยู่แค่เฉพาะในบางพื้นที่เท่านั้น แตกต่างจากกัญชาที่เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ S-curve กระจายรายได้ไปยังชุมชนทั่วประเทศให้สามารถปลูกจำหน่ายได้ อีกทั้งยังต่อยอดไปสู่เศรษฐกิจที่หลากหลายในรูปแบบ Bottom up เช่น ภาคเกษตร ภาคบริการ ภาคท่องเที่ยว ภาคสุขภาพ ภาคการผลิต และภาคส่งออกเป็นต้น ขณะที่บ่อuเสรีจำกัดอยู่แค่ภาคการท่องเที่ยวเท่านั้น ขณะที่การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจกัญชาเปิดกว้างโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงรายได้ ตลอดจนลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขไปจนถึงต่อยอดงานวิจัยทางยาและการเก็บภาษีบำรุงท้องถิ่นได้ทั่วประเทศ ขณะที่การพนันจำกัดวงอยู่แค่คนเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่และจำกัดการเข้าถึงแหล่งรายได้ของคนระดับล่างจนไม่สามารถเป็นตัวช่วยการสร้างงานสร้างอาชีพให้กับประชากรทุกคนได้เหมือนกับปุ๊นเสรี

***ผลกระทบทางสังคม***

เอไอมองว่าบ่อนเสรีแทบจะไม่มีประโยชน์ทางสังคมเลย ส่วนกัญชาไพรมีประโยชน์เพียบ! เริ่มตั้งแต่การพัฒนาท้องถิ่น การพัฒนาองค์ความรู้ด้านสุขภาพ ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของเอเชียและของโลก แก้ปัญหาปุ๊นเถื่อน ส่งเสริมภูมิปัญญาพื้นบ้าน การต่อยอดอาชีพใหม่เช่น Smart Farmer แต่ทว่ากัญชายังต้องส่งเสริมความรู้ถูกต้องและกฎหมายควบคุมที่มีประสิทธิภาพ ส่วนบ่อนเสรีจะนำมาซึ่งปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น พอเป็นหนี้ก็มีปัญหาครอบครัว พอไม่มีเงินก็เกิดอาชญากรรมลักวิ่งชิงปล้น ไปจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายและอาการป่วยทางจิต โดยเอไอวิเคราะห์ว่าจะทำให้ยอดคนไทยฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นแน่นอน จึงยิ่งซ้ำเติมปัญหาเศรษฐกิจที่มีตัวเลขหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือนสูงลิ่ว อีกทั้งยังเข้าถึงได้ทุกอายุทุกช่วงวัย เมื่อดูจากปัญหาพนันออนไลน์ระบาดในปัจจุบันที่มีเด็กนักเรียนจำนวนมากถูกหลอกล่อ

**ด้านการเสพติด**

กัญชาไพรมีอัตราอยู่ที่ 7-9% ขณะที่การพนันมีอัตราการเสพติดอยู่ที่ 6-8% แต่ทว่ามีอัตราการคิดฆ่าตัวตายสูงถึง 60% ของผู้ที่เสียพนัน ทั้งงานวิจัยยังพบว่าการพนันกระตุ้นสารภายในสมองให้เกิดความเสพติดไม่ต่างจากโคเคน โดยเอไอสรุปว่าปัญหาสังคมและปัญหาครอบครัวมีโอกาสเกิดจากการพนันได้มากกว่าการเปิดกัญชาเสรี

เหตุผลของเอไอ

“เราเลือกกัญชาเพราะมีรากฐานมาจากยาแผนโบราณและวิถีชีวิตวัฒนธรรมไทย ประกอบกับคนไทยเชี่ยวชาญด้านการเกษตรจึงสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการรายเล็กได้ในหลายจังหวัดไม่ใช่จำกัดแค่เฉพาะพื้นที่คอมเพล็กซ์ เราสามารถสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนที่สนับสนุนการเกษตร การท่องเที่ยว สุขภาพ การส่งออก การวิจัยและนวัตกรรม ประเทศไทยจะเป็นผู้นำในเอเชีย ไม่ใช่ในด้านความชั่วร้ายเงินผิดกฎหมาย แต่เป็นด้านพืชเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นเทรนด์โลกปัจจุบัน” เอไอกล่าว
.
ฝากบทความนี้ถึงหมอที่คัดค้าน Entertainment Complex โดยเอาปุ๊นสมุนไพรไปเทียบกับบ่อน มา ณ ทีนี้ด้วย