ค้นพบ! ปุ๊นโบราณอายุเกือบ 3,000 ปี ยืนยันวัฒนธรรมสายเขียวสุดยาวนาน

กลายเป็นข่าวดังเมื่อนักวิจัยค้นพบเศษหินดึกดำบรรพ์อายุเกือบ 3,000 ปี ยืนยันการใช้ปุ๊นของมนุษย์มายาวนาน ตอกย้ำวัฒนธรรมสายเขียวเก่าแก่ที่มองพืชสมุนไพรนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและบำรุงจิตใจของคนโบราณ
.
นักขุดค้นในอิสราเอลพบแท่นบูชาสองแห่งในยุคโบราณอายุราว 750 ปีก่อนคริสต์ศักราช (อายุ 2775 ปี) ถูกพบบริเวณหน้าประตูทางเข้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ในเขต Tel Arad ประเทศอิสราเอล ซึ่งบริเวณดังกล่าวถือเป็นวิหารเก่าแก่ตามพระคัมภีร์โบราณไบเบิล โดยระบุว่า “บนแท่นหินพบซากปุ๊นที่ถูกผสมกับไขของสัตว์ ซึ่งคาดว่าจะใช้ผสมกันเพื่อเผาระเหยเป็นกำยานใช้สูดดมควันพร้อมกัน รวมทั้งมีร่องรอยอุปกรณ์บูชาทางศาสนาเช่น ธูป อีกด้วย” นักขุดค้นเปิดเผยในวารสารวิชาการของมหาวิทยาลัย Tel Aviv
.
ด้านนาย Eran Arie ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์อิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็ม กล่าวว่า นี่เป็นครั้งแรกที่หลักฐานว่ามนุษย์มีการใช้ปุ๊นสมุนไพรมาอย่างยาวนานในภาคตะวันออกกลาง ทั้งยังยืนยันว่าปุ๊นถูกใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาซึ่งคนโบราณมองว่ามันเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ช่วยทั้งการเข้าถึงพระเจ้า รักษาความเจ็บป่วยและเยียวยาจิตใจผู้คน
.
นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีของอิสราเอลกล่าวเพิ่มเติมว่า ศาสนายูดาห์เป็นหนึ่งในอีกหลายศาสนาทั่วโลกที่พบว่ามนุษย์โบราณมีการใช้ปุ๊นอย่างแพร่หลาย เช่น เผ่ากาดดีแห่งเทือกเขาหิมาลัย, อาณาจักรบูกันดาแห่งแอฟริกา และอาณาจักรเทเนเตฮาราแห่งบราซิล ได้ใช้ปุ๊นสมุนไพรเพื่อพิธีกรรมทางศาสนาและการพักผ่อนหย่อนใจแบบสันทนาการ นอกจากนี้ยังพบว่า บางชนเผ่าโบราณยังใช้ปุ๊นเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์