เปลี่ยนโลก!? ผลวิจัยชี้ “กัญชา” ลดเสี่ยงมะเร็ง ‘หมอไทย’ ร่วมคอนเฟิร์ม
1 min read
สถาบันการแพทย์ Whole Health Oncology และมูลนิธิ Chopra Foundation เปิดเผยผลวิจัยที่เก็บข้อมูลผู้ป่วยมากสุดในประวัติศาสตร์ 40,000 คน รวบรวมเอกสารวิจัยกว่า 10,0000 ฉบับ พบว่าผลศึกษาผู้ป่วยกว่า 70% ยอมรับกัญชาช่วยดูแลผู้ป่วยมะเร็งได้ โดยพบว่าผู้ที่สนับสนุนการใช้ปุ๊นสมุนไพรสูงกว่า 3.13 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ชื่นชอบยาเคมีแผนปัจจุบัน ซึ่งสรุปเอาไว้ว่ากัญชามีคุณสมบัติเสริมการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ลดปัจจัยเสี่ยงและช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ ขณะที่หมอไทยจัดเสวนายืนยันการใช้ปุ๊นสมุนไพรเพื่อบำรุงสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็งและใช้ในสัตว์ได้ดี
งานวิจัยดังกล่าวสร้างความฮือฮาอย่างมากเพราะเป็นวิจัยสมุนไพรเชิงการแพทย์ที่ใช้กลุ่มตัวอย่างมากที่สุดในโลก ซึ่งส่วนหนึ่งระบุว่ากัญชาช่วยลดอาการปวดและอักเสบจากโรคร้ายได้ จึงนำไปสู่การลดขนาดของเนื้องอกได้ รวมถึงช่วยทำให้ร่างกายรับสารอาหารได้มากขึ้น ช่วยคลายเครียดนอนหลับง่าย ซึ่งคุณสมบัติทั้งหมดนี้สำคัญในการฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วยในหลายโรค ทั้งยังมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีอีกด้วย
ด้าน นพ.สมยศ กิตติมั่นคง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาไทย จัดบรรยายวิชาการด้านกัญชากับมะเร็ง ในงาน High Table : From the Earth III ระบุว่า ระบบร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีโครงสร้างโปรตีนเหมือนกัน โดยมีโปรตีน TP53 ซึ่งผลวิจัยวิทยาศาสตร์พบว่า endocannabinoid สามารถเข้าไปลดความเสี่ยงของโปรตีน TP53 ได้ นอกจากนี้สารในกัญชายังมีฤทธิ์ไปฆ่าน้ำตาลในเลือก ซึ่งน้ำตาลและแป้งเป็นสารอาหารที่เซลล์มะเร็งชอบ นอกจากนี้สารในปุ๊นยังไปจับกับตัวรับ Receptor ในร่างกายซึ่งจะช่วยลดอาการบวมและอักเสบซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของเนื้องอกร้ายแรง ซึ่งจากประสบกาณ์ที่ผ่านมาคุณหมอได้ใช้สมุนไพรนี้ดูแลสุขภาพร่วมกันจนสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งคนและม้า
คุณ นัตโต๊ะ ผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชาเชิงการแพทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในประเทศไทยเคยมีการใช้กัญชาประสบความสำเร็จในการดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง แม้กฎหมายไทยไม่ให้บันทึกข้อมูลแต่กลุ่มแพทย์แผนไทยก็ได้จดบันทึกเคสไว้เป็นหลักฐานว่ากัญชาสามารถใช้บริโภคเพื่อบำรุงร่ายกายได้ดี นอกจากนี้ยังพบว่าสารบางส่วนในกัญชายังสามารถไปยับยั้งเซลล์แก่ตัวของเราได้ในบางส่วน ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลสุขภาพของเราได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทั้งงานวิจัยวารสารของอเมริกา และ ผู้เชี่ยวชาญจากไทย มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าควรส่งเสริมการจัดทำข้อมูลศึกษาวิจัยเรื่องกัญชามากยิ่งขึ้น โดยผ่อนคลายเงื่อนไขการบริโภคและข้อจำกัดทางกฎหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ชัดเจนในการไปพัฒนากัญชาเพื่อบำรุงสุขภาพต่อไปในอนาคต