ชาวบ้านโวย ส่อเจ๊งระนาว ‘กัญชากลับเป็นยาเสพติด’ ชาติสูญสองหมื่นล้าน-เอกชนเตรียมขายกิจการ รัฐบาลเอาเปรียบประชาชน?

สิทธิชัย แดงประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจุบันในประเทศไทย ผู้ปลูกและโรงงานสกัดมีการลงทุนรวมกว่า 25,000 ล้านบาท ผู้ปลูกมีใบอนุญาตกว่า 10,000 ใบ โรงงานสกัดมีใบอนุญาต 40 แห่ง เมื่อรัฐบาลจะนำกลับไปเป็นยาเสพติดจะกระทบกับอุตสาหกรรมทั้งระบบ ผู้บริโภคปลายทางไม่มั่นใจ ไม่กล้าซื้อ คนทำการตลาดไม่กล้าที่จะเดินหน้าเรื่องการตลาด ย้อนถึงต้นทางโรงงานผลิตก็ไม่มีออเดอร์ และผู้ปลูกไม่มีที่ขาย ทั้งที่มีการลงทุนแล้ว รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในเรื่องของนโยบาย เพื่อที่ผู้ประกอบการรายที่ไปไม่ไหว จะได้ขายกิจการทิ้ง เจ็บที่เดียวไม่เจ็บนาน

ขณะที่ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา ใน จ.สกลนคร กล่าวว่า การนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เป็นการเอาเปรียบประชาชน แก้ปัญหาแบบล้อมคอกซึ่งวัวหายไปแล้วจึงเป็นการแก้ไขไม่ตรงจุด การดำเนินการแบบนี้คล้ายการทอดทิ้งประชาชน-ลอยแพเกษตรกร หลังจากรัฐบาลส่งเสริมให้ปลูกจากนั้นก็จะมากลืนน้ำลายตัวเองคล้ายกัญชาเป็นเกมการเมือง

“ต้องเห็นใจคนที่ลงทุน รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ส่วนที่เขาสูญเสียไป เหมือนตัดที่ผ่านทางก็ต้องจ่ายค่าเวรคืน จะตัดโดยไม่ให้อะไรเลยก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตอนนี้สมาชิกกลุ่มมีผลผลิตเหลือหลายตัน อยากให้รัฐย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของนโยบายกัญชาที่ต้องการช่วยเหลือให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ แต่ตอนนี้เกษตรกรผู้ปลูกยังไม่ได้แม้แต่ค่าลงทุนทำโรงเรือนคืนเลย กัญชาเสรีเป็นปัญหาตรงไหน รัฐบาลอย่าสร้างวาทกรรมผลกระทบทางลบแล้วออกกฎหมายมาบล็อคไว้แบบนี้” เกษตรกรกล่าว

ภาคเกษตรกรยื่นข้อเรียกร้องด้านกัญชา

1.รัฐออกกฎระเบียบที่ช่วยเหลือ เอื้อต่อชาวบ้านกลุ่มผู้ปลูกกัญชา อย่าเอื้อกลุ่มทุนที่นำกัญชาสายพันธุ์นอกเข้ามาปลูก

2.สกัดการลักลอบนำเข้ากัญชาจากประเทศเพื่อนบ้าน

3.ตรวจสอบสายพันธุ์กัญชาที่มีการปลูกว่าเป็นพันธุ์ไทยหรือไม่ เพราะหากจะให้ชาวบ้านไปสู้ด้วยการปลูกสายพันธุ์นอกที่ราคาเมล็ดหลายร้อยบาท ชาวบ้านคงสู้ไม่ไหว

4.ทบทวนข้อกฎหมาย ระเบียบต่างๆ ในการช่วยเหลือ ส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูก

5.ในเรื่องการออกใบอนุญาตต้องมีการตรวจสอบ ไม่ใช่ใครก็ปลูกได้ ต้องเอื้อให้กับประชาชน เพราะทำนโยบายนี้เพื่อต้องการกระจายรายได้ให้เกษตรกร