สธ.เคาะแนวทาง “ช่อดอกเป็นยาเสพติด” ปิดประตูกัญชาสันทนาการ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการปรับปรุงกฎหมายกัญชานั้นเตรียมประกาศให้ ”พืชกัญชา“ เป็นยาเสพติดประเภทที่ 5 โดยยกเว้นบางส่วนของพืชกัญชา ได้แก่ ใบ กิ่งก้าน ราก ลำต้น เมล็ด หลังจากนั้นจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อกำหนดให้ใช้กัญชาได้ในเชิงการแพทย์ ครอบคลุมการอนุญาตการปลูก ครอบครอง นำเข้า ส่งออก หรือการใช้กัญชา ขณะที่พืชกัญชงนั้นจะไม่นำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด ส่วนกัญชงมองว่ายังคงเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ซึ่งตอนนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังยกร่างกฎหมาย ให้มีความเหมาะสม โดยยังมีอีกหลายขั้นตอนที่จะนำไปสู่การออกกฎหมาย และจะมีการรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน

สำหรับแนวทางกฎหมายใหม่จะต้องอยู่บนเงื่อนไข 3 ประการ ได้แก่ 1.เจตนารมณ์ของการอนุญาตปลูก ครอบครอง นำเข้า ส่งออก หรือ เสพกัญชา ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การรักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัยเท่านั้น 2.ระบบอนุญาตต้องไม่เป็นภาระกับประชาชนเกินสมควร โดยจะกำหนดในกฎกระทรวง เช่น การกำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต การยื่นคำขอ ระยะเวลาพิจารณาหรือเงื่อนไขการพิจารณาอนุญาตซึ่งต้องมีความชัดเจน โดยมีข้อกำหนด หรือ ต้นทุนการปฏิบัติเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้มีการนำกัญชาไปใช้ในวัตถุประสงค์เพื่อสันทนาการเท่านั้น และ 3.ประกาศกระทรวงและกฎกระทรวงที่จะเสนอ ควรต้องกำหนดวันใช้บังคับหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง มีเวลาและมีโอกาสในการปรับเปลี่ยนธุรกิจ

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขจะเล่นการเมือง พวกเขาไม่สนใจนำข้อเท็จจริงมากำหนดสถานะพืชกัญชา ล่าสุดพวกเขาปฏิเสธการจัดทำข้อมูลวิทยาศาสตร์เปรียบเทียบกับเหล้า-บุหรี่ ซึ่งทั้งหมดนี้ควรเป็นสิทธิ์ในการบริโภคและควรกำหนดการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัญชา โดยให้เหตุผลว่าข้อมูลเรื่องเหล้าและบุหรี่มีเยอะแล้ว ตอนนี้ขอดูข้อมูลกัญชาอย่างเดียวว่าจะออกกฎหรือปรับเปลี่ยนกฎกระทรวงอย่างไร สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านี้เครือข่ายได้ทำหนังสือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถามถึงเหตุผลว่าทำไมต้องเอากัญชากลับสู่บัญชียาเสพติด โดยทางเครือข่ายขอให้ทำข้อมูลเปรียบเทียบเช่นเดียวกับที่เรียกร้องให้กระทรวงสาธารณสุขทำ กระทรวงยุติธรรมโดยเลขาธิการ ปปส.ตอบว่าไม่ต้องทำการเปรียบเทียบเพราะสุราและบุหรี่ไม่ใช่ยาเสพติดและย้ำว่าการเปรียบเทียบไม่ได้เกิดประโยชน์ใดทั้งสิ้น

รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย กมลธรรม อดีตอธิบดีกรมการแพทย์ แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า จะมีปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมายหากนำ “กัญชา” กลับมาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ทั้งเรื่องของการบริหารจัดการกัญชาที่ไม่คุ้มค่าที่จะนำกลับไปควบคุมให้เป็นยาเสพติดเพราะต้องมีขั้นตอนและองค์กรเกี่ยวข้องจำนวนมาก รวมถึงระเบียบและวิธีการต่าง ๆ ในการอนุญาตให้ปลูก การแปรรูปใช้ประโยชน์ที่จำเป็นต้องเพิ่มคนและงบประมาณอีกมากเพื่อมาดำเนินการในเรื่องเหล่านี้

ส่วนการอนุญาตการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์นั้นจะเกิดปัญหาตามมา รศ.ดร.นพ.ธวัชชัย ให้มุมมองว่า เรื่องของการบริการจัดการเรื่องของกัญชานั้นจะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน เพราะการถือครองกัญชาอาจจะทำให้ประชาชนจำนวนมากกลับไปอยู่ในคุก ขณะที่ภาคของการผลิตกัญชากัญชงก็จะถูกมองว่า ทำถูกกฎหมายหรือไม่ หากถูกกดกลับไปเป็น “ยาเสพติด” เรื่องเหล่านี้ก็จะกลับลงไปสู่ใต้ดินอีกครั้งหนึ่ง