ส่องเบื้องลึก “กัญชาไม่กลับเป็นยาเสพติด”
1 min read“นโยบายกัญชา-กลับไปกลับมา” สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลกถึงความไม่แน่นอนของประเทศไทย สะท้อนความเป็นพืชที่ผันผวนทางการเมือง ที่ชัดเจนสุดคงหนีไม่พ้นเรื่อง “รัฐบาลเปลี่ยนใจ-ไม่แบนกัญชา” ล้วนเกิดจากสมการการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากเกิดค่ายสีฟ้ากวาดเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภา 150 ที่นั่ง ตั้งอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์เป็นประธานวุฒิสภา รวมถึงการออกมาขยับของพรรคลุงตู่ตัวแทนขั้วอำนาจเดิม และนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทของพรรคเพื่อไทยที่กำลังจะคิ๊กอ๊อฟ
ความขัดแย้งเรื่องกัญชาในหมู่รัฐบาลก่อตัวขึ้นช่วงสัปดาห์ก่อน เมื่อพรรคภูมิใจไทยเดินเกมหนักบีบรัฐบาลคัดค้านการแบนกัญชาเป็นยาเสพติด มีทั้งการส่งลูกพรรคออกมาแถลงข่าวไปจนถึงการปรากฏกายของหัวหน้าพรรค นายอนุทิน ชาญวีกรกูล เล่นใหญ่ไฟกระพริบประกาศไม่สบายใจเรื่องกัญชาและเข้าหารือนายก พร้อมพาดพิงถึงเรื่องเงินดิจิทัล สะท้อนความขบเหลี่ยมทางการเมืองของพรรคร่วมรัฐบาล บนเงื่อนไข “ถ้าเงินดิจิทัลแจกได้ กัญชาก็ต้องไม่เป็นยาเสพติด” ดังนั้นในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทยยังไงก็ต้องอาศัยพรรคภูมิใจไทย เรื่องกัญชาจึงเป็นความขัดแย้งที่รัฐบาลจะต้องใช้ไม้อ่อน อาจจะมีการปรับเกณฑ์ในการขออนุญาตใหม่ หรือ เปิดช่วงเวลาให้แต่ละร้านกัญชามีการปรับตัวเพื่อหาทางลงแบบสวยๆให้กับทุกฝ่าย จนเป็นเหตุให้ล่าสุดในวันนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาสั่งการให้ยุติเรื่องการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดและใช้ พรบ.ควบคุมแทน
ตลอดจนการเดินเกมของพรรคลุงตู่ โดย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส) ออกมาสั่งเบรกการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด พร้อมเลื่อนวันประชุมออกไปอย่างไม่มีกำหนด เราต้องไม่ลืมว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้นการตั้งคำถาม ต่อสถานะที่จะเปลี่ยนของกัญชาจากที่เคย ”เสรี” กลับคืนสู่ความเป็น ”ยาเสพติด” ย่อมเหมือนกับเป็นการตั้งคำถามกับรัฐบาลลุงตู่
ความร้าวฉานของรัฐบาลในครั้งนี้ จึงเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “ปฏิญญาเขาใหญ่” ที่ผู้นำตัวจริงของแต่ละพรรคการเมืองไปถ่ายภาพหมู่ตีกอล์ฟร่วมกันเพื่อเคลียร์ใจ รวมถึงซีนควงไมค์ร้องเพลงระหว่าง นายใหญ่-หมอหนู อย่างชื่นมื่นที่โรงแรมของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นสัญญาณปิดดีลกัญชา สอดคล้องกับที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ถามปมเคลียร์ใจกัญชาที่เขาใหญ่ว่า “เรื่องนี้คุณ (นักข่าว) รู้ดีกว่าผมอีก”
การเดินเกมของครูใหญ่บุรีรัมย์ หลังถูกพรรคนายใหญ่ทุบตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าเรื่องกัญชา ประเด็นนี้ รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย มองว่า หลังจากนี้นายใหญ่พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรกับพรรคภูมิใจไทยก็ต้องถนอมน้ำใจกัน หากมีการแข็งข้อเราอาจได้เห็น สว.ชุดใหม่ทำให้รัฐมนตรีลูกน้องนายใหญ่มีอันเป็นไปกันทุกคน เพราะในปีนี้จะมีคณะกรรมการในองค์กรอิสระครบวาระถึง 12 ตำแหน่ง ดังนั้น สว.สามารถชี้ทิศทางการเมืองไทยได้จากการปั้มตราองค์กรอิสระ
อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองค่ายการเมืองที่คุมสภาสูง (วุฒิสภา) ย่อมถือว่ามีอำนาจกำหนดทิศทางการเมือง เนื่องจาก สว.มีสิทธิ์ในการคัดเลือกองค์กรอิสระ เช่น ปปช. ปปง. กกต.และศาล เป็นต้น ซึ่งองค์กรเหล่านี้สามารถมีบทบาทในการฟ้องทุจริตนักการเมือง สั่งตัดสิทธิ์ สส.รัฐบาล ชงยุบพรรคการเมือง หรือแม้แต่การสกัดกฎหมายในรัฐสภาเพื่อตัดคะแนนเสียงของพรรคต่างๆ ถือเป็นอาวุธลับทางการเมืองของค่ายสีน้ำเงินที่มาได้จังหวะพอดีกับช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของกัญชา
พลังขั้วสุดท้ายที่มีผลต่อการกำหนดนโยบายกัญชาคือ “พลังสายเขียว” ซึ่งถือเป็นกำลังหลักในการเรียกร้องสิทธิ์ผู้ใช้และต่อต้านความไม่เป็นธรรมที่จะเอาพืชสมุนไพรไปยุงเกี่ยวกับเกมการเมือง ด้านนายประสิทธิชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย กล่าวว่า ความสำเร็จคราวนี้ ย่อมเกิดขึ้นจากจิ๊กซอทุกตัวที่เชื่อมต่อกันจนเป็นพลัง ทั้งที่แสดงตนและไม่แสดงตน ทั้งภาควิชาการ ภาคการเมือง ภาคประชาชน ถือเป็นการปฏิบัติภารกิจร่วมกันในการกำหนดนโยบายกัญชาที่ถูกต้องให้กับประเทศไทย
ดังนั้นการออกมาจัดชุมนุมของเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย การล่ารายชื่อและยื่นหนังสือคัดค้านของสหพันธ์กัญชาไทย การดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลของสมาพันธ์กัญชาเพื่อประชาชนไทย รวมถึงการเคลื่อนไหวของพี่น้องสายเขียวในทุกจังหวัดทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์ ต่างเป็นพลังสำคัญที่ช่วยกันผลักดันให้กัญชาของเราไม่ต้องกลับไปติดคุกอีกต่อไป Channel Weed Thailand ขอกล่าวขอบคุณที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนพืชสมุนไพรที่พวกเรารัก